เครื่องชงกาแฟดริป ความสุขแสนง่ายที่หาได้ในบ้านของคอกาแฟ
หลายคนอาจชอบการชงกาแฟดื่มเองที่บ้าน... โดยไม่ต้องเดินทางฝ่าแดดร้อนเดินทางไปยังร้านกาแฟ นอกจากนี้ การชงกาแฟดื่มด้วยตัวเองยังเป็นการช่วยสร้างสรรค์กาแฟแก้วโปรด และมีรสชาติที่กลมกล่อมถูกปากของตัวเองได้เป็นอย่างดีมากขึ้นอีกด้วย โดยกาแฟดริป และเครื่องชงกาแฟดริป เป็นหนึ่งในกระบวนการเตรียมกาแฟชงดื่มเองที่บ้านนั่นเอง ดังนั้น เพื่อเป็นการเอาใจคนที่อยากเริ่มต้นชงกาแฟดริปเองที่บ้าน มารู้จักกับกระบวนการชงกาแฟดริป รวมไปถึงการเลือกเครื่องชงกาแฟดริป ที่น่าสนใจ ที่รับรองว่าแม้จะเป็นมือใหม่ก็สามารถที่จะเตรียมกาแฟที่มีรสชาติเยี่ยมดื่มได้ด้วยตัวเองได้อย่างแน่นอน...
กาแฟดริป คืออะไร ทำไมถึงได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน
กาแฟดริป หรือ Dripe Coffee เป็นหนึ่งในรูปแบบของกาแฟที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างมากในปัจจุบัน อันเนื่องมาจากเป็นกระบวนการชงกาแฟที่จะช่วยทให้กาแฟมีกลิ่น และรสชาติอย่างเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ด้วยการเทน้ำให้ไหลผ่านผงกาแฟคั่วบดบนตัวกรอง ทำให้น้ำเหล่านั้นนำพาเอาสารสกัดที่ให้รสชาติอันเข้มข้นของเม็ดกาแฟให้ออกมามากขึ้นกว่าเดิม
พัฒนาการที่น่าสนใจของเครื่องชงกาแฟดริป
ในยุคแรกของเครื่องชงกาแฟดริป กระบวนการกรองน้ำจะใช้ถุงผ้า ต่อมาได้มีการพัฒนานำกระดาษมาใช้งาน เพราะสามารถที่จะช่วยป้องกันไม่ให้ผงกาแฟขนาดเล็กหลุดออกมาจนเข้าไปอยู่ในแก้วกาแฟ นอกจากนี้การใช้กระดาษกรองกับเครื่องชงกาแฟดริปยังช่วยตัดปัญหาการทำความสะอาดถุงผ้ากรองที่ค่อนข้างลำบากให้หมดไปได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
อยากดริปกาแฟดื่มเอง ต้องมีเครื่องและอุปกรณ์อะไรบ้าง!?
1.Dripper หรือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการดริปกาแฟ
2.Drip Kettle หรือกาดดริปกาแฟ
3.นาฬิกาสำหรับใช้ในการจับเวลา
4.เครื่องบดกาแฟ
5.ตาชั่ง สำหรับใช้ชั่งน้ำหนักของผงกาแฟ
6.ช้อน สำหรับใช้คนกาแฟดริปให้เข้ากับน้ำร้อน
จากข้อมูลในข้างต้นจะเห็นว่าอุปกรณ์ในการดริปกาแฟมีค่อนข้างหลายชิ้น ทำให้การจัดเตรียม รวมไปถึงการทำความสะอาดค่อนข้างยุ่งยาก ทำให้ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาเครื่องชงกาแฟดริปขึ้นมาหลายรุ่น เพื่อช่วยให้การดริปกาแฟดื่มด้วยตัวเองกลายเป็นเรื่องที่สะดวกรวดเร็วและง่ายดายมากขึ้นกว่าเดิม
สิ่งที่ควรรู้ 5 ข้อ ที่ส่งผลต่อรสชาติของการดริปกาแฟด้วยตัวเอง หรือใช้เครื่อง
1.ปริมาณน้ำที่เติมส่งผลต่อรสชาติของกาแฟดริป
การเติมน้ำในกาแฟดริปมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งส่งผลต่อรสชาติของกาแฟมากเท่านั้น ยิ่งน้ำน้อยรสชาติก็จะเข้มข้น ในขณะเดียวกันหากน้ำมากรสชาติของกาแฟก็จะจางลงตามไปด้วยเช่นกัน
2.ตัวกรองกาแฟส่งผลต่อรสชาติของกาแฟดริป
ตัวกรองโลหะ : ขนาดของรูค่อนข้างใหญ่ทำให้น้ำจากกาแฟสกัดออกมาได้เป็นจำนวนมาก ทำให้รสชาติกลมกล่อม แต่เนื่องจากมีรูขนาดใหญ่ หลายครั้งจึงมักมีผงของกาแฟขนาดเล็กผสมมาในแก้วด้วย นอกจากนี้ยังมีสีที่ค่อนข้างขุ่น
ตัวกรองกระดาษ : ขนาดของรูค่อนข้างเล็กทำให้ทำการกรองน้ำกาแฟได้อย่างละเอียด ทำให้มีรสชาติของกาแฟที่ชัดเจนกว่า และสีสันที่ของน้ำกาแฟที่คอนข้างใส
3.ความละเอียดในการบดของเม็ดกาแฟดริป
เม็ดกาแฟบดละเอียด : ช่วยทำให้มีรสชาติที่เข้มข้น กลมกล่อม
เม็ดกาแฟบดหยาบ : ช่วยลดความเข้มข้นของเม็ดาแฟให้น้อยลง
4.ระยะเวลาในการชงกาแฟดริป
เวลาในการชงกาแฟดริป ขึ้นอยู่กับความรวดเร็วในการไหลของน้ำที่ไหลผ่านตัวกรอง โดยส่งผลต่อรสชาติของกาแฟ ดังต่อไปนี้
ระยะเวลาในชงสั้น : รสของกาแฟเปรี้ยวมากขึ้น
ระยะเวลาในการชงนาน : รสของกาแฟเข้มข้น จนอาจถึงขั้นขมได้
5.อุณหภูมิเป็นสิ่งสำคัญของกาแฟดริป
สำหรับอุณหภูมิที่เหมาะสมในการชงกาแฟดริปด้วยตัวเอง คือ 92-94 องศา ดังนั้น การรควบคุมอุณหภูมิจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก เพราะยิ่งอุณหภูมิมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะทำให้รสชาติของกาแฟมีความเข้มข้นมากขึ้นตามไปด้วย
วิธีการชงกาแฟดริปด้วยเครื่องแบบง่ายดาย ที่มือใหม่ใครก็ทำได้
ขั้นตอนที่ 1 : Bloom
นำผงกาแฟจำนวน 20 กรัม มาเทรวมกับน้ำจำนวน 40 กรัม จากนั่นคนให้เข้ากันจนกระทั่งผงกาแฟเปียกทั่วกันหมด ทิ้งเอาไว้ประมาณ 40 วินาที เพื่อให้ผงกาแฟทำการดูดซับน้ำและคลายก๊าซออกมา ส่งผลให้ผงกาแฟมีขนาดที่ใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม
ขั้นตอนที่ 2 : เทน้ำเพิ่มลงไปอีก 60 กรัม
ทำการเทน้ำเติมลงไปอีก 60 กรัม และทำการรออีก 40 วินาที
ขั้นตอนที่ 3 : เทน้ำเพิ่มลงอีก 60 กรัม
ทำการเทน้ำลงไปเพิ่มอีก 60 กรัม และรออีก 40 วินาที
ขั้นตอนที่ 4 : ทำการเติมน้ำลงไปอีก 80 กรัม
ทำการเติมน้ำลงไปอีก 80 กรัม และรออีก 30 วินาที
ขั้นตอนที่ 5 : ขั้นตอนสุดท้าย
รอให้น้ำหยดใกล้หมด ให้ทำการยก Dripper ออก แล้วทำการคนให้ผงกาแฟกับน้ำเข้าเป็นเนื้อเดียวกันก่อน เพียงเท่านี้ก็จะได้กาแฟดริปพร้อมดื่ม
เคล็ดลับเพิ่มเติมสำหรับคนชอบดื่มกาแฟดริปเข้มข้น
การเติมน้ำเพิ่มเข้าในแต่ละขั้นตอนที่กล่าวถึงไปแล้วในตอนต้นจะทำให้รสชาติของกาแฟดริปมีความแตกต่างกัน กล่าวคือในแก้วแรกรสชาติของกาแฟจะเข้มข้นมากที่สุด และเมื่อทำการเติมน้ำในขั้นตอนต่างๆ รสชาติก็จะอ่อนลงเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงการเติมน้ำครั้งที่ 3 นั่นเอง