การแปรงฟันที่ดีต้องทำให้ถูกวิธี จึงจะทำความสะอาดคราบพลัคและแบคทีเรียได้ โดยคนส่วนใหญ่อาจจะยังแปรงฟันแบบผิดๆ อยู่ ทำให้ฟันไม่สะอาด เกิดคราบหินปูน และการสะสมของแบคทีเรีย บางคนอาจทำให้เหงือกร่น มีกลิ่นปาก เนื่องมาจากการแปรงฟันที่ผิดวิธี วันนี้เราจะมาบอกวิธีดีๆ ในการแปรงฟันอย่างถูกวิธีกันค่ะ
1. ไม่แปรงแรงเกินไป
https://pixabay.com/photos/brush-teeth-dental-care-comedy-1672984/
หลายคนเข้าใจผิดว่าการแปรงฟันแรงๆ จะช่วยทำความสะอาดได้มากขึ้น แต่เป็นความเข้าใจที่ผิดถนัด เพราะการแปรงฟันแรงเกินไปจะทำให้สารเคลือบฟันกร่อนตัวได้ ทำให้คอฟันสึก และเหงือกร่นตามมา ทำให้พบกับปัญหาช่องปากต่างๆ เช่น เสียวฟัน มีกลิ่นปาก ตามมาได้ ทั้งยังไม่สะอาดเหมือนอย่างที่เคยเข้าใจผิดอีกด้วย
2. ใช้เวลาแปรงประมาณ 2 นาที
https://pixabay.com/photos/woman-dentist-toothbrush-tooth-2099474/
การแปรงฟันที่ดีและถูกวิธีนั้นต้องใช้เวลาประมาณ 2 นาที เพื่อให้ฟลูออไรด์ทำปฏิกิริยากับตัวฟัน ช่วยเคลือบฟัน เพื่อป้องกันฟันผุ และนอกจากนั้นยังช่วยลดการก่อตัวของหินปูนอีกด้วย ซึ่งหากเราแปรงฟันอย่างถูกวิธีแล้ว ก็จะทำให้ลดปัญหาเกี่ยวกับช่องปากและฟันไปได้อย่างดี
3. ไม่ควรแปรงหลังรับประทานอาหารทันที
https://pixabay.com/photos/bite-off-child-apple-face-bite-383328/
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว กรดและน้ำตาลที่หลงเหลืออยู่ตามฟัน จะทำให้สารเคลือบฟันอ่อนตัวลง หากคุณไปแปรงฟันในตอนนั้นทันที ก็จะทำให้สารเคลือบฟันหลุดลอกออกไปด้วย เป็นการทำลายสารเคลือบฟันอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดังนั้นเราควรแปรงฟันเพียงแค่วันละ 2 ครั้งเท่านั้น คือหลังตื่นนอนตอนเช้า และหลังเข้านอนตอนกลางคืนก็เพียงพอแล้ว
4. เปลี่ยนแปรงสีฟันเป็นประจำ
https://pixabay.com/photos/dental-toothbrush-hygiene-blue-4850065/
เมื่อใช้แปรงสีฟันไปสักระยะ จะเกิดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย อีกทั้งขนแปรงอาจจะบานมากขึ้น ทำให้ประสิทธิภาพในการทำความสะอาดฟันลดลง จึงต้องมีการเปลี่ยนแปรงสีฟันเป็นประจำในทุกๆ 3 เดือน จะช่วยทำให้ลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียลงได้ และทำให้การทำความสะอาดกลับมามีประสิทธิภาพดังเดิม
5. ทำความสะอาดแปรงทุกครั้งหลังใช้งาน
https://pixabay.com/photos/toothbrush-cleaning-dental-care-2751212/
อย่าลืมทำความสะอาดแปรงสีฟันให้หมดจดทุกครั้งหลังการใช้งาน เพราะนอกจากจะช่วยลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียไปแล้ว ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของแปรงสีฟันอีกด้วย ดังนั้นหลังจากแปรงฟันเสร็จ ก็อย่าลืมตรวจดูความสะอาดของแปรงสีฟันอย่างละเอียดอีกทีหนึ่ง เพื่อสุขภาพฟันที่ดีของตัวคุณเอง
6. เลือกแปรงสีฟันที่มีประสิทธิภาพ
https://pixabay.com/photos/dental-toothpaste-toothbrush-842314/
ถึงแม้ว่าเราจะแปรงฟันอย่างถูกวิธีแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การแปรงฟันนั้นสะอาดยิ่งขึ้น นั้นคือการเลือกแปรงสีฟันนั่นเอง โดยมีผู้เชี่ยวชาญออกมายืนยันแล้วว่าแปรงสีฟันไฟฟ้าสามารถทำความสะอาดได้ดีกว่าแปรงธรรมดาถึง 2 เท่า ดังนั้นถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราควรจะเปลี่ยนมาใช้แปรงสีฟันไฟฟ้ากัน
แนะนำแปรงสีฟันไฟฟ้า คอลเกต 360 ชาร์โคล
https://shoponline.tescolotus.com/groceries/th-TH/products/6073867438
สำหรับใครที่กำลังมองหาแปรงสีฟันไฟฟ้าราคาถูกใจ ไม่แพงเกินไปอยู่นั้น เราขอแนะนำแปรงสีฟันไฟฟ้าจากคอลเกต 360 ชาร์โคล ซึ่งขนแปรงนุ่มกว่าแปรงสีฟันธรรมดาถึง 17 เท่า สามารถทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึก หัวแปรงหมุนได้ 360 องศา พร้อมกับส่วนผสมของชาร์โคลที่ผลิตขึ้นโดยเทคโนโลยีที่ใช้ความร้อนมากกว่า 1000 องศา ช่วยขจัดคราบแบคทีเรียบนผิวฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ หัวแปรงสามารถถอดเปลี่ยนได้ ใช้ถ่านแบบก้อน สะดวกพกพา ราคาน่าคบ เพียง 365 บาทเท่านั้น คุณก็พร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่กับการแปรงฟันได้เลยค่ะ
บทสรุปส่งท้าย
https://www.pexels.com/photo/woman-wearing-teal-off-shoulder-dress-1776862/
ถึงแม้ว่าเราจะมีตัวช่วยที่ดี อย่างแปรงสีฟันไฟฟ้าแล้ว ก็อย่าลืมแปรงฟันให้ครบวันละ 2 ครั้งทุกวัน ทั้งตอนเช้าและตอนเย็น และอย่าลืมล้างหัวแปรงให้สะอาด โดยสะบัดให้หมาด และตั้งหัวแปรงขึ้น ไม่ให้ตัวด้ามโดนน้ำโดยตรง เพราะอาจจะทำให้แปรงสีฟันไฟฟ้าเสียหายได้ ดูแลช่องปากและฟันของเราเสร็จแล้ว ก็อย่าลืมดูแลอุปกรณ์หรือตัวช่วยที่ดีของเราด้วยนะคะ เพื่อที่จะได้ยืดอายุการใช้งาน และสามารถทำความสะอาดช่องปากของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ
