อยากซื้อเครื่องปั่นมือสองต้องอ่าน เลือกอย่างไร ราคาเท่าไหร่มาดูกัน!?
เครื่องปั่น... ไม่ว่าจะเป็นการปั่นน้ำผลไม้ หรือปั่นอาหาร ก็ล้วนแล้วแต่ช่วยให้การทำอาหารเป็นไปได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิมอย่างมากเลยทีเดียว แต่ในบางครั้งเนื่องจากงบประมาณสตางค์ที่จำกัดในกระเป๋า ก็อาจทำให้หลายคนจำเป็นที่จะต้องเลือกซื้อเครื่องปั่นมือสองแทนมือหนึ่ง แต่ก็ใช่ว่าเครื่องปั่นมือสองจะด้อยประสิทธิภาพ หรือไม่น่าใช้งานแต่อย่างใด เพราะถ้าหากเลือกถูก เลือกเป็น รับรองว่าเครื่องปั่นมือสองก็สามารถใช้งานได้อย่างยอดเยี่ยมไม่น้อยหน้าใครได้อย่างแน่นอน...
เลือกซื้อเครื่องปั่นมือสองอย่างไรให้ได้ของดี
สำหรับคนที่กำลังให้ความสนใจกับเครื่องปั่นมือสอง ขอแนะนำให้เริ่มต้นการเลือก โดยอิงจากคำแนะนำดังต่อไปนี้
1.เลือกซื้อเครื่องปั่นมือสอง ขอแนะนำให้ไปเลือกที่ร้านด้วยตัวเอง
แม้ว่าในปัจจุบันจะมีเครื่องปั่นมือสองวางจำหน่ายในราคาที่เรียกได้ว่าแสนประหยัดบนเว็บไซต์ต่างๆมากมาย แต่ขอแนะนำว่าควรเดินทางไปเลือกซื้อด้วยตัวเองจะเป็นการดีที่สุด เพราะสามารถตรวจสอบชิ้นส่วน รวมไปถึงการใช้งานได้อีกด้วย นอกจากนี้บางร้านยังมีเครื่องปั่นมือสองหลายยี่ห้อ หลายรุ่นออกมาวางจำหน่ายให้เลือกชมอีกด้วย เพื่อว่าปิ๊ง! โดนใจรุ่นไหน ก็สามารถซื้อหิ้วกลับมาได้ในทันที
2.เลือกเครื่องปั่นมือสอง ควรเปรียบเทียบหลายยี่ห้อ หลายรุ่น
เพื่อให้ได้รับเครื่องปั่นมือสองที่มีประสิทธิภาพในการใช้งานที่โดนใจมากที่สุด ขอแนะนำให้ลองทำการเปรียบเทียบเครื่องปั่นมือสองหลายๆยี่ห้อ หลายๆรุ่น ทั้งในเรื่องของพลังในการปั่น รวมไปถึงข้อจำกัดในการใช้งานต่างๆ แล้วเลือกเครื่องปั่นมือสองที่โดนใจ เหมาะกับการใช้งานของคุณให้มากที่สุด
3.เลือกเครื่องปั่นมือสอง หากใช้ปั่นผลไม้ที่มีกากใยอาหารสูง ควรเลือกกำลังปั่นสูงมากขึ้น
ผลไม้ที่มีกากใยอาหารสูงจะมีความเหนียวในตัวเองตามธรรมชาติ ทำให้เครื่องปั่นมือสองต้องมีกำลังการปั่นที่สูงมากขึ้น เพื่อที่จะช่วยจัดการให้ผลไม้เหล่านั้นกลายเป็นเนื้อละเอียดพร้อมสำหรับการดื่ม ดังนั้น อย่าลืมถามตัวเองด้วยว่ามีโอกาสที่จะได้ใช้งานการปั่นผลไม้ที่มีกากใยอาหารสูงด้วยหรือเปล่า!?
4.เลือกเครื่องปั่นมือสอง ที่สามารถทำความสะอาดได้ง่าย
การทำความสะอาดเครื่องปั่นมือสองหลังจากที่ใช้งานเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะหากใช้งานเสร็จแล้วปล่อยทิ้งเอาไว้อาจทำให้เกิดปัญหาเชื้อรา กลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือแมลงกวนใจมารบกวนการใช้งานได้อย่างมาก ดังนั้น จึงควรเลือกเครื่องปั่นมือสองที่สามารถถอดทำความสะอาดได้ เพื่อให้เครื่องพร้อมสำหรับการใช้งานและสุขอนามัยที่ดีที่สุดนั่นเอง
5.เลือกเครื่องปั่นมือสอง ที่ได้รับการรับประกันจากผู้ขาย
ผู้ขาย หรือร้านขายเครื่องปั่นมือสองบางร้านอาจมีการรับประกันหลังการขาย ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ระหว่าง 15-90 วัน ถึงจะไม่ได้ยาวนานมากเหมือนกับซื้อเครื่องปั่นมือหนึ่ง ที่นาน 1-2 ปี แต่ก็ยังเป็นการช่วยการันตีได้ว่า เครื่องปั่นมือสองที่ซื้อมาจากร้านเหล่านั้น ทางผู้ขายมีความมั่นใจว่าสินค้าจะไม่มีปัญหาในระยะเวลาอันรวดเร็วอย่างแน่นอน
6.เลือกเครื่องปั่นมือสอง ควรหาอะไหล่ได้ง่าย
เครื่องปั่นมือสอง ไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหนหรือยี่ห้อใด ก็ควรที่จะทำการเลือกโดยคำนึงถึงความง่ายในการหาอะไหล่มาเปลี่ยน หรือสามารถหาช่างซ่อมได้หากเกิดปัญหาขึ้นมา ซึ่งวิธีการเลือกเครื่องปั่นมือสองในส่วนนี้ก็ไม่ยาก ให้ทำการสังเกตว่าเครื่องปั่นมือสองที่กำลังสนใจเป็นรุ่นยอดนิยมหรือไม่ เพราะถ้าหากเป็นรุ่นยอดนิยม ย่อมหมายความว่าจะมีคนใช้งานเครื่องปั่นเป็นจำนวนมาก ทำให้อะไหล่เป็นสิ่งที่หาได้อย่างง่ายดายขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง
มาสำรวจราคาของเครื่องปั่นมือสองกันเถอะ
ราคาของเครื่องปั่นมือสอง เป็นหนึ่งในส่วนประกอบที่สำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อมาใช้งาน ซึ่งจากการสำรวจราคาโดยประมาณของเครื่องปั่นมือสองจากเว็บไซต์จำหน่ายสินค้ามือสองยอดนิยมอย่าง Kaidee.com ในเดือน ก.พ. 2020 พบว่า ราคาของเครื่องปั่นมือสองแบบคร่าวๆ นั้นมีดังต่อไปนี้
| ประเภทของเครื่องปั่นมือสอง | ราคาของเครื่องปั่นมือสอง (โดยประมาณ) |
| เครื่องปั่นสมูทตี้ | 1,500 – 21,200 บาท |
| เครื่องปั่นอเนกประสงค์ | 3,950 – 5,500 บาท |
| เครื่องปั่นอาหารแบบมือถือ | 799 – 1,950 บาท |
