เคล็ดลับในการเลือกเครื่องอบผ้าอุตสาหกรรม ที่นักธุรกิจไม่ควรพลาด
เครื่องอบผ้า... เป็นอุปกรณ์ที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตากันดี แต่ถ้าหากกล่าวถึงเครื่องอบผ้าอุตสาหกรรมคนทั่วไปอาจฟังไม่ค่อยคุ้นหูกันนัก แต่สำหรับคนที่เป็นเจ้าของธุรกิจที่จำเป็นจะต้องทำการอบแห้งผ้าเป็นจำนวนมากเป็นประจำทุกวันแล้ว เครื่องอบผ้าอุตสาหกรรมอาจเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีอย่างแน่นอน...
เครื่องอบผ้าอุตสาหกรรมคืออะไร!?
เครื่องอบผ้าอุตสาหกรรม คือ เครื่องอบผ้าขนาดใหญ่เป็นพิเศษ ที่มีขนาดของถังอบตั้งแต่ 18 – 135 กก. เลยทีเดียว เครื่องอบผ้าอุตสาหกรรมเหมาะอย่างมากกับงานธุรกิจที่เกี่ยวกับอบแห้งผ้าเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน ทำให้ไม่สามารถทำการตากแดด ตากลมให้แห้งตามธรรมชาติได้นั่นเอง โดยเครื่องอบผ้าอุตสาหกรรม มีระบบการทำงานอยู่ทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ แก๊ส ไฟฟ้า และไอน้ำ ให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม โดยแต่ละแบบมีความแตกต่างกันในเรื่องของระบบการใช้งานดังต่อไปนี้
ระบบการทำงานของเครื่องอบผ้าอุตสาหกรรม
1.เครื่องอบผ้าอุตสาหกรรมระบบแก๊ส
ใช้ระบบแก๊สหุงต้ม LPG ในการช่วยอบผ้าให้แห้งอย่างรวดเร็ว ทำให้มีความประหยัด ให้พลังงานสูง ในขณะที่สิ้นเปลืองพลังงานน้อย ทำให้เป็นเครื่องอบผ้าอุตสาหกรรมที่ช่างส่วนใหญ่มักแนะนำให้ใช้งาน
2.เครื่องอบผ้าอุตสาหกรรมระบบไฟฟ้า
เครื่องอบผ้าอุตสาหกรรมแบบใช้ไฟฟ้า ต้องใช้กำลังไปแบบ 380 วัตต์ หรือไฟแบบเฟส 3 เท่านั้น ทำให้ค่อนข้างที่จะสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าในขณะที่ใช้งานอย่างมาก
3.เครื่องอบผ้าอุตสาหกรรมระบบไอน้ำ
เครื่องอบผ้าอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานการอบแห้งจากหม้อต้มไอน้ำ *จำเป็นต้องมีหม้อต้มน้ำ ในการช่วยอบผ้าให้รวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม
เครื่องอบผ้าอุตสาหกรรม เหมาะกับธุรกิจแบบไหนกันบ้าง?
- เครื่องอบผ้าอุตสาหกรรม เหมาะกับธุรกิจหลายประเภท ดังต่อไปนี้
- เครื่องอบผ้าอุตสาหกรรมเหมาะกับธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท
- เครื่องอบผ้าอุตสาหกรรมเหมาะกับอุตสาหกรรมสิ่งทอ
- เครื่องอบผ้าอุตสาหกรรมเหมาะกับโรงพยาบาล
- ฯลฯ
ข้อดีที่ควรทราบของเครื่องอบผ้าอุตสาหกรรม
- เครื่องอบผ้าอุตสาหกรรมช่วยอบผ้าจำนวนมากให้แห้งสนิทพร้อมใช้ในเวลาที่รวดเร็ว ประหยัดเวลา
- เครื่องอบผ้าอุตสาหกรรม ทนทานในการใช้งานอย่างหนัก
- เครื่องอบผ้าอุตสาหกรรม ช่วยให้ประหยัดขึ้น โดยไม่ต้องซื้อเครื่องอบผ้าเป็นจำนวนมาก
- เครื่องอบผ้าอุตสาหกรรมทำความสะอาดง่าย
- เครื่องอบผ้าอุตสาหกรรมค่าบำรุงรักษาค่อนข้างประหยัด
- เครื่องอบผ้าอุตสาหกรรม สามารถตั้งเวลาในการทำงานได้ สะดวกกับใช้งานมากขึ้น
- เครื่องอบผ้าอุตสาหกรรมช่วยประหยัดพื้นที่ในการตากผ้า
- เครื่องอบผ้าอุตสาหกรรมผลิตจากสแตนเลสหนา ไม่เป็นสนิมในส่วนที่สัมผัสกับน้ำ
- เครื่องอบผ้าอุตสาหกรรม ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน
วิธีคำนวณขนาดของเครื่องอบผ้าอุตสาหกรรม ให้เหมาะกับธุรกิจ!?
การเลือกเครื่องอบผ้าอุตสาหกรรม มีหลักในการคำนวณอย่างคราวๆ โดยใช้ขนาดประมาณ 1.5 เท่า ของขนาดเครื่องซักผ้าที่ใช้อยู่ในการทำธุรกิจ เช่น หากใช้เครื่องซักผ้าในการทำอุตสาหกรรมขนาด 20 กก. ให้ทำการเลือกเครื่องอบผ้าอุตสาหกรรมขนาด 30 กก. ขึ้นไปจึงจะมีขนาดที่สอดคล้องกับการใช้งานมากขึ้น
เวลาในการใช้เครื่องอบผ้าอุตสาหกรรมอบผ้าให้แห้งอย่างเหมาะสม
เวลาในการอบผ้า/ชั่วโมง = น้ำหนักผ้า/กก. X จำนวนของเปอร์เซ็นต์น้ำที่หลงเหลือในเนื้อผ้า x 5,500 BTU/กก. หารด้วย BTU ต่อชั่วโมง ของเครื่องอบผ้าอุตสาหกรรม
*เปอร์เซ็นต์ของน้ำที่หลงเหลืออยู่ในเนื้อผ้า สามารถคำนวณได้จาก = น้ำหนักของผ้าหลังจากที่ทำการปั่นแห้ง - น้ำหนักผ้าแห้ง)
สิ่งที่ควรทราบเพิ่มเติมในการใช้งานเครื่องอบผ้าอุตสาหกรรม
โรงซักผ้าที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ
ขอแนะนำให้ทำการติดตั้งท่อต่ออากาศแยกสำหรับเป็นอากาศที่ใช้ในเครื่องอบผ้าอุตสาหกรรม เพราะจะช่วยประหยัดพลังงานในระหว่างการอบผ้าให้น้อยลงในระหว่างกระบวนการเปลี่ยนอากาศให้มีอุณหภูมิที่สูงขึ้นเพื่อช่วยให้ผ้าแห้งขึ้นนั่นเอง
ผ้าบางชนิดสามารถรีดหลังซักได้เลยโดยไม่ต้องอบ
ผ้าบางบางชนิด หลังจากที่ทำการซักแล้วสามารถที่จะนำไปเข้าเครื่องรีดได้เลย โดยไม่จำเป็นที่จะต้องนำไปเข้าเครื่องอบผ้าอุตสาหกรรม ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดพลังงานแล้ว ยังช่วยให้เครื่องอบผ้าอุตสาหกรรมไม่ต้องทำงานหนักตลอดเวลา ซึ่งจะช่วยยืดระยะเวลาในการใช้งานของเครื่องอบผ้าอุตสาหกรรมให้ยาวนานมากขึ้นกว่าเดิม
ห้ามใช้เครื่องอบผ้าอุตสาหกรรม
ห้ามใช้เครื่องอบผ้าอุตสาหกรรม ถ้าหากมีการใช้สารเคมีอุตสาหกรรมในการทำความสะอาดเนื้อผ้าที่ต้องการนำไปอบ
ทำความสะอาดเครื่องอบผ้าอุตสาหกรรมอย่างสม่ำเสมอ
ทำความสะอาดอย่างเหมาะสม และระมัดระวังอย่าให้มีการสะสมของผงใยผ้ารอบเครื่องอบ และให้ทำความสะอาดส่วนดักในผ้าบ่อยตามเหมาะสม
พื้นที่ในการติดตั้งต้องมีการระบายอากาศอย่างเพียงพอ
การระบายอากาศอย่างเพียงพอ จะช่วยป้องกันและหลีกเลี่ยงการไหลย้อนของแก๊สที่เกิดจากเครื่องใช้ไฟฟ้าเผาไหม้ด้วยเชื้อเพลิงอื่นที่กลับเข้ามาในห้อง และป้องกันไม่ให้เกิดการลุกไหม้นั่นเอง