แนวทางแก้ไข ฝุ่น PM 2.5 ภัยร้ายทำลายสุขภาพ

หลายเดือนที่ผ่านมาประเทศไทยประสบปัญหาฝุ่นละออง หรือสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ซึ่งเป็นวิกฤตหนัก เนื่องจากฝุ่น PM 2.5 นั้นกระทบต่อสุขภาพของคนทั้งประเทศ

ฝุ่น PM 2.5 คืออะไร?

ฝุ่น PM 2.5 คือฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือเทียบง่ายๆ ก็คือฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 1 ใน 25 ส่วนของเส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นผมมนุษย์ ฝุ่นชนิดนี้จะไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่จะแขวนลอยอยู่ในอากาศรวมกับไอน้ำ ควัน และก๊าซต่างๆ เมื่อมาแผ่อยู่รวมกันจะกินพื้นที่ในมวลอากาศมหาศาล ล่องลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศปริมาณสูง เกิดเป็นหมอกควันอย่างหนาแน่น

ฝุ่น PM 2.5 เกิดจากอะไร?

ฝุ่น PM 2.5 แบ่งเป็นฝุ่นที่เกิดจากแหล่งกำเนิดโดยตรง และจากการรวมตัวของก๊าซและมลพิษอื่นๆ ในชั้นบรรยากาศ โดยเฉพาะซัลเฟอร์ไดออกไซด์และออกไซด์ของไนโตรเจน ซึ่งสาเหตุของการเกิดฝุ่นละอองมีหลายปัจจัย โดยแหล่งต้นตอสำคัญของฝุ่น PM 2.5 ในชั้นบรรยากาศ คือ การเผาไหม้เชื้อเพลิงธรรมชาติที่ไม่สมบูรณ์ และฝุ่นจากการก่อสร้างเช่น โรงงานผลิตไฟฟ้า การเผาไม้ทำลายป่า เผาขยะ ฝุ่นละอองจากควันท่อไอเสียจากรถยนต์ และยังรวมถึงควันจากบุหรี่ด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดฝุ่นละอองเพิ่มขึ้นในทุกๆ วัน

ฝุ่น PM 2.5 ส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างไรบ้าง?

เนื่องจากฝุ่น PM 2.5 เป็นฝุ่นที่มีขนาดเล็กมาก จึงสามารถเล็ดลอดผ่านเข้าไปในร่างกายของเราได้ลึก และยังสามารถเข้าไปถึงถุงลมปอด อีกทั้งยังสามารถเล็ดรอดผ่านผนังถุงลมเข้าเส้นเลือดฝอย และเข้าไปยังกระแสเลือด รวมถึงกระจายตัวแทรกซึมไปทั่วร่างกายของเราได้ โดยฝุ่น PM 2.5 นี้จะไปกระตุ้นให้เกิดสารอนุมูลอิสระ ลดระบบแอนตี้ออกซิแดนท์ รบกวนสมดุลต่างๆ ของร่างกาย และกระตุ้นยีนที่เกี่ยวข้องกับการหลั่งสารอักเสบ ซึ่งมีอันตรายต่อเนื้อเยื่อในร่างกายของเราอย่างมาก

สำหรับอาการของผู้ที่ได้รับฝุ่น PM 2.5 จะเกิดอาการไอ จาม มีน้ำมูก เจ็บคอ มีเสมหะ หายใจลำบาก เสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดในสมอง โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจขาดเลือด โรคมะเร็งปอด โรคติดเชื้อเฉียบพลันในระบบทางเดินหายใจ รวมถึงยังทำลายระบบประสาทจนเป็นอัมพาต เพราะใน PM 2.5 มีสารปรอทเจือปนอยู่ ซึ่งสารปรอทนี้มาจากกระบวนการเผาไหม้น้ำมันและถ่านหิน โดยสารปรอทจะไปทำลายระบบประสาททำให้เราเสี่ยงต่อการเป็นอัมพาตได้

วิธีป้องกันฝุ่น PM 2.5

1. ประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 ควรอาศัยอยู่ภายในอาคารบ้านเรือน และควรหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้าน

2. ติดตั้งแอร์ฟอกอากาศ เพราะข้อดีของแอร์ฟอกอากาศ คือประสิทธิภาพในการฟอกอากาศได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยส่วนใหญ่จะใช้หลักการไฟฟ้าสถิตแรงสูง ทำให้เกิดการจับและดักฝุ่นภายในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ถือเป็นการฟอกอากาศที่ปลอดภัยที่สุด เนื่องจากไม่มีการปล่อยสารเคมี หรือประจุใดๆ ออกมานอกตัวเครื่อง ซึ่งแอร์ฟอกอากาศ ก็มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ และหลากหลายกำลังไฟ ขึ้นอยู่กับพื้นที่บริเวณบ้าน รวมถึงแอร์ฟอกอากาศในปัจจุบันนี้ ก็ง่ายต่อการใช้งาน สามารถควมคุมฟังก์ชั่นต่างๆ ผ่านทางแอพพลิเคลชั่นในมือถือของเราได้

3. การใช้หน้ากากอนามัยที่ครั้งที่ออกจากบ้าน โดยเฉพาะหน้ากากอนามัยชนิด N95 เพราะเป็นหน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐานและได้รับการยอมรับว่าสามารถป้องกันเชื้อโรค และฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ดีที่สุด เนื่องจากสามารถป้องกันได้ทั้งฝุ่นละอองและเชื้อโรคที่มีขนาดเล็กถึง 3 ไมครอน หน้ากากอนามัย N95 จึงเหมาะสำหรับป้องกันมลพิษ ฝุ่น PM 2.5 ควันพิษ ไอเสียรถยนต์ และไอระเหยของสารเคมีต่างๆ นอกจากหน้ากากอนามัย N95 แล้ว หน้ากากอนามัยแบบเยื้อกระดาษ 3 ชั้น ก็มีประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่นละออง และสารพิษได้เช่นเดียวกัน  แต่อาจจะป้องกันได้ดีน้อยกว่าหน้ากากอนามัย N95 หากต้องการจะป้องกันฝุ่น PM 2.5 ต้องใส่ 2 ชั้น

4. สำหรับใครที่มีอาการเป็นภูมิแพ้ แพ้ง่าย เช่น แพ้ฝุ่น แพ้อากาศ แพ้มลภาวะ ควรเตรียมยาแก้แพ้ติดตัวไว้เสมอ

5. งดออกกำลังกายในที่แจ้ง ควรเปลี่ยนมาออกกำลังกายในที่ร่ม เพราะการออกกำลังกายในที่แจ้งจะเป็นการได้รับฝุ่นทางตรง

6. ดื่มน้ำสะอาดมากๆ เพราะการดื่มน้ำสะอาด จะช่วยให้ร่างกายอยู่ในสภาวะที่สมดุล และช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายได้ หรือการกลั้วคอด้วยน้ำเกลือ แล้วบ้วนทิ้งวันละ 3-4 รอบ ก็ช่วยขับสารพิษได้เช่นเดียวกัน

7. ล้างมือและล้างหน้า เพื่อชะล้างสารพิษบ่อยๆ

8. ปลูกต้นไม้สูงไว้รอบๆ บ้าน เนื่องจากต้นไม้สูงสามารถช่วยกรองอากาศและผลิตออกซิเจนซึ่งจะช่วยให้ระบบหายใจของเราเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

9. งดสูบบุหรี่ในช่วงที่พบฝุ่นละอองในอากาศมาก

10. งดตากผ้าในที่แจ้ง เพราะการตากผ้าในที่แจ้งจะทำให้เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มของเราได้รับฝุ่นโดยตรง