รู้ก่อน! เลือกซื้อทีวีที่ถูกใจ
ไหนใครที่กำลังจะซื้อทีวีเครื่องใหม่บ้าง แน่นอนว่าหลายๆ คนคงอยากได้ทีวีคุณภาพดี ราคาถูก ฟีเจอร์เริ่ดอย่างแน่นอน แต่รู้หรือไม่ว่าก่อนที่เราจะซื้อทีวี เราต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เรื่องราคาอย่างเดียวแน่นอน วันนี้เราเลยมีคำแนะนำ ก่อนที่คุณจะเลือกซื้อทีวีสักเครื่องมาฝากกันครับ จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย
1ขนาดจอของทีวี
ไม่ใช่แค่เห็นว่าทีวีเครื่องที่อยู่ตรงหน้าเรามีขนาดใหญ่ แถมยังขายในราคาที่ถูกแสนจะถูกก็เลือกซื้อ แหม แต่ก็อย่างว่าครับ คงไม่มีใครชอบทีวีเครื่องเล็กๆ เพราะว่าทีวีจอใหญ่นั้น จะทำให้คุณสัมผัสกับประสบการณ์ความคมชัดระดับ UHD เต็มๆตา ได้บรรยากาศเหมือนดูหนังอยู่ในโรงภาพยนตร์ เพิ่มอรรถรสไป 10 10 10 เลยจ้า แต่คุณอย่าเพิ่งรีบร้อนจ่ายตังค์ให้เจ้าทีวีจอใหญ่ จอยักษ์ที่อยู่ตรงหน้านะครับ เพราะเราอย่างลืมว่า เราต้องคำนึงถึงสถานที่ ที่เราจะนำเจ้าทีวีเครื่องนี้ไปวางด้วยเช่นกัน เพราะถ้าฟาหคุณซื้อทีวี จอใหญ่เบิ้มขนาด 70 นิ้ว แต่นำไปวางในห้องสตูดิโอขนาดจิ๋ว ต้องนั่งดูห่างจากทีวีในระยะ 1 เมตร ก็คงไม่สบายตาอย่างแน่นอน ซึ่งสิ่งแรกเลยที่เราต้องทำก่อนจะซื้อก็คือ วัดพื้นที่วางทีวีของเราก่อน ว่าสามารถวางหรือแขวนทีวีที่มีขนาด กว้าง x ยาวได้สูงสุดเท่าไหร่ ถ้าซื้อทีวีมาใหญ่เกินจนไปบังประตู หรือวางไม่ได้นี่ เท่ากับว่าเราต้องหาที่ตั้งใหม่ หรือไม่ก็ต้องนำไปขายเลยนะครับ
2ประเภทของจอทีวี
เรียกได้ว่าทำเอาปวดหัวกันไปพักใหญ่ๆ เลย เพราะอย่างที่เรารู้กันว่าในปัจจุบันมีประเภทจอทีวีมากมายหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น LCD, LED, OLED และ QLED ซึ่งแน่นอนว่ามีหลายราคาให้เราได้เลือกซื้อตั้งแต่ทีวีราคาถูกไปจนถึงราคาแพงแบบหูฉีก ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าทั้ง 4 ประเภทแตกต่างกันอย่างไร
- LCD TV (Liquid Crystal Display) ทีวีที่ใช้หลอดไฟ CCFL ซึ่งมีลักษณะเป็นหลอดผอมคล้าย ๆ หลอดกาแฟ เรียงใน แนวนอนยาวลงมาเป็นตัวกำเนิดแสง และมี Liquid Crystal เป็นผลึกแข็งกึ่งเหลว 3 สี ทั้ง สีแดง น้ำเงิน เขียว คอยบิดตัวเป็นองศาเพื่อให้แสงจากหลอด CCFL Backlight ส่องลอด ผ่านออกมาเป็นสีสันต่าง ๆ หลอด CCFL ค่อนข้างจะอ้วน จึงเป็นหนึ่งเหตุผลว่าทำไม LCD TV ถึงมีความหนามากกว่า LED TV
- LED TV (Light Emitting Diode) เป็นทีวีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตลาด ต่อยอดมาจาก LCD โดยใช้หลอดไฟ LED ขนาดจิ๋ว 3 สี ได้แก่ สีแดง น้ำเงิน และเขียว เป็นตัวกำเนิดแสง ให้แสงสว่างได้ดีว่า LCD กินไฟน้อยกว่า และตัวเครื่องมีความบางยิ่งขึ้นอีกด้วย แต่ที่ซับซ้อนไปกว่านั้น LED TV ยังมีหลายรูปแบบให้เลือกใช้ โดยไล่เรียงกันไปตามประสิทธิภาพจากน้อยไปหามาก ไม่ว่าจะเป็น Edge LED, Full LED และ RGB LED ซึ่งราคาก็จะเพิ่มขึ้นไปตามประสิทธิภาพในการแสดงผลครับ
- OLED TV (Organic Light Emitting Diode) ทีวีสมัยใหม่ที่เม็ดพิกเซลสามารถให้กำเนิดแสงได้เองคล้ายกับ Plasma ไม่ต้องพึ่งหลอดไฟเหมือน LCD หรือ LED จุดเด่นของจอภาพชนิดนี้คือมีลักษณะคล้ายแผ่นฟิล์ม มีความบางและความยืดหยุ่น สามารถพัฒนาหน้าจอให้มีความโค้งได้แถมยัง กินไฟน้อย
- QLED TV (Quantum-Dot Light-Emitting Diode) นวัตกรรมทีวีล่าสุดที่นำเทคโนโลยี Quantum Dot มาใช้แทนหลอด Diode แบบเก่าๆ ซึ่งจอภาพสามารถแสดงสีสันได้สมจริงมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะสว่างหรือมืด ซึ่งแน่นอนว่าเทคโนโลยีที่ทันสมัยแบบนี้ต้องตามมาด้วยราคาที่สูงขึ้นนั่นเองครับ
3พอร์ตการเชื่อมต่อ
พอร์ตเล็กๆ ที่ใครหลายๆ คนชอบมองข้ามมันไป จนเกิดปัญหาตามมาภายหลัง ไม่ว่าจะตอนต่อเครื่องเล่นซีดี หรือแม้แต่ต่อพวกเครื่องเล่นเกม อย่าง PlayStation เพราะงั้นแล้วก่อนที่คุณจะซื้ออย่างลืมดูว่า HDMI, S-Video, AV, DVI, VGA, Component, Audio, USB ตามที่คุณต้องการหรือไม่ อาจจะไม่ต้องครบทุกช่อง แต่ต้องมีพอร์คที่รองรับการใช้งานของคุณ ไม่งั้นคุณต้องวิ่งวุ่นตามหาอุปกรณ์เชื่อมอย่างแน่นอน
4ฟีเจอร์ต่างๆ ของทีวี
ทีวีรุ่นที่เล็งไว้ ราคาอาจจะไม่ได้ถูกมาก เมื่อเทียบกันกับอีกรุ่นที่คล้ายกัน แต่มีฟีเจอร์น้อยกว่า แน่นอนว่าแว่บแรกคุณอาจจะเลือกซื้อตัวที่มีฟีเจอร์เยอะกว่าอย่างแน่นอน แต่อย่าเพิ่งใจร้อนไปครับ ลองกลับมาคิดทบทวนก่อนว่า คุณได้ใช้ฟีเจอร์เหล่านั้นจริงๆ หรือไม่ เพราะถ้าหากคุณไม่ค่อยได้ใช้ หรือไม่ได้ใช้เลย ทำไมคุณต้องซื้อรุ่นที่แพงกว่าด้วย ใช่หรือไม่ครับ
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงสิ่งที่ต้องคำนึงแบบพื้นฐานก่อนที่คุณจะซื้อทีวีสักเครื่องให้ถูกใจคุณ แต่อย่างลืมว่ามันปัจจัยอื่นๆ อีกมากนะครับ ที่คุณต้องคำนึง ทั้งงบประมาณของคุณ หรือแม้แต่ ระบบอื่นๆ อีกมากมาย ก่อนจะซื้อทีวี ไม่ใช่แค่เอาแบบราคาถูกโดนใจเพียงอย่างเดียวนะครับ อย่าลืมคิดถึงปัจจัยอื่นๆด้วย