เครื่องซักผ้า LG อาการไม่หมุน ไม่ปล่อยน้ำ ขึ้น DE UE และ F ค้าง
LG…. เป็นหนึ่งในแบรนด์ของเครื่องซักผ้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ทั้งในด้านของเทคโนโลยีการซักที่ที่ยอดเยี่ยม ความสะดวกสบายที่ครบครัน แต่เมื่อทำการใช้งานไปเป็นระยะเวลานานเข้าแม้จะเป็นเครื่องซักผ้าที่เปี่ยมด้วยคุณภาพเพียงใด ก็มีโอกาสที่จะเกิดปัญหาการเสื่อมสภาพของอุปกรณ์จนนไปสู่การเกิดปัญหาหลายประการขึ้นได้เช่นกัน ในวันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าถ้าหากเครื่องซักผ้า LG อาการไม่หมุน ไม่ปล่อยน้ำ ขึ้น DE UE และ F เกิดขึ้นจากสาเหตุใดบ้าง และสามารถที่จะทำการซ่อมแซมแก้ไข ให้กลับมาใช้งานได้อย่างราบรื่นเป็นปกติได้หรือเปล่า!?
ปัญหาอาการเสียที่เกิดขึ้นบ่อยกับเครื่องซักผ้า
สำหรับปัญหาความผิดปกติที่สามารถพบได้บ่อยครั้งจากเครื่องซักผ้านั้น มักมีอาการดังต่อไปนี้
- อาการน้ำไม่เข้าเครื่องหลังจากเครื่องทำการเตรียมผ้าในถังซักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
- อาการเปิดเครื่องซักผ้าได้ตามปกติ แต่เมื่อทำการเติมน้ำเข้าเครื่องได้ในระดับที่เหมาะสมแล้วเครื่องไม่ยอมทำงาน
- อาการเครื่องทำงานได้ตามปกติ แต่ไม่ทำการถ่ายน้ำทิ้ง และไม่ทำการปั่นหมาด
สาเหตุที่พบบ่อยอันทำให้เครื่องซักผ้าไม่ทำงาน
สำหรับสาเหตุที่พบบ่อย ที่ทำให้เครื่องซักผ้าไม่ยอมทำงานตามปกติ โดยส่วนใหญ่มักมีสาเหตุ ดังต่อไปนี้
- เกิดจากการมีสิ่งกีดขวางภายในทางเดินของน้ำภายในท่อน้ำทิ้ง
- เกิดจากตัววาล์วน้ำทิ้งที่ไม่ทำงาน / ชำรุด
ความหมายของ ERROR CODE ของเครื่องซักผ้า LG
ERROR CODE ของเครื่องซักผ้า LG แบบฝาบน
1E = น้ำไม่เข้าเครื่องซักผ้า
OE = เครื่องไม่ทำการถ่ายน้ำทิ้งในช่วงเวลาที่กำหนด
UE = เครื่องซักผ้าขาดความสมดุล
FE = น้ำเข้าสู่เครื่องซักผ้ามากจนเกินไป หรือเกิดน้ำล้น
DE = เซ็นเซอร์ฝาถังเกิดปัญหา หรือไม่ได้ทำการปิดฝาถังเครื่องซักผ้า
PE = สวิตช์วัดระดับน้ำมีปัญหา
E3 = ปริมาณของผ้ามากจนเกินไป น้ำหนักมากเกินไป หรือเซ็นเซอร์ตรวจจับน้ำหนักผ้าชำรุด
ERROR CODE ของเครื่องซักผ้า LG แบบฝาหน้า
1E = น้ำไม่เข้าเครื่องซักผ้า
OE = เครื่องซักผ้าไม่ทำการถ่ายน้ำทิ้งในช่วงเวลาที่กำหนด
UE = เครื่องไม่สมดุล
FE = น้ำเข้าเครื่องซักผ้ามากจนเกินไป
DE = เซ็นเซอร์ฝาถังชำรุด หรือไม่ได้ปิดฝาถัง
PE = เซ็นเซอร์วัดระดับน้ำเสียหาย
TE = เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิชำรุด
LE = การหมุนของมอเตอร์มีปัญหา หรือ Hall Sensor ชำรุด
AE = เกิดน้ำรั่วบริเวณใต้เครื่อง มักเกิดจากลูกลอยเซ็นเซอร์ หรือน้ำรั่วค้าง
PE = ปัญหาจากกระแสไฟฟ้า (ไฟตก หรือไฟเกิน) แก้ไขได้ด้วยการรีเซ็ตเครื่องซักผ้าใหม่ ปิด-เปิด หรือเปลี่ยน Main PCB
เครื่องซักผ้า UE และ DE เกิดขึ้นจากสาเหตุใด!?
เครื่องซักผ้า LG ไม่ว่าจะเป็นแบบฝาบน หรือฝาหน้า ก็มีความหมายของ ERROR CODE ที่เหมือนกัน ดังต่อไปนี้
UE = เครื่องไม่สมดุล
DE = เซ็นเซอร์ฝาถังชำรุด หรือไม่ได้ปิดฝาถัง
สำหรับการแกไขปัญหาทั้งสองนี้ ทำได้ไม่ยากหากเครื่องขึ้น UE ให้ทำการตรวจสอบระนาบที่ตั้งของเครื่องซักผ้าว่ามีความลาดเอียงหรือไม่แล้วทำการตั้งเครื่องให้ตรง และหากเครื่องขึ้น DE ให้ทำการตรวจสอบว่าปิดฝาถังของเครื่องซักผ้าสนิทดีหรือไม่ ถ้าหากสนิทเรียบร้อยให้ลองทำการตรวจสอบเซ็นเซอร์ตรวจจับการปิดฝาถังว่ามีการชำรุดหรือไม่ ถ้าหากชำรุดก็สามารถหาอะไหล่มาเปลี่ยนได้ในราคาแสนประหยัดเช่นกัน
เครื่องซักผ้า LG ขึ้น F ค้าง ถังไม่หมุน ไม่ทำงาน ไม่ปล่อยน้ำ เกิดขึ้นจากสาเหตุใด!?
เมื่อทำการกดปุ่มเริ่มการทำงานของเครื่องซักผ้า LG บางครั้งอาจเกิดปัญหาเครื่องไม่ทำงาน ถังไม่หมุน หรือไม่ทำการปล่อยน้ำ จากนั้นจะขึ้นสัญลักษณ์ F ค้าง ไม่สามารถทำการกดปุ่มอื่นได้ สร้างความสงสัยให้กับผู้ใช้เครื่องซักผ้า LG เป็นอย่างมาก เนื่องจากโดยพื้นฐานแล้ว ERROR CODE ของเครื่องซักผ้า LG จะทำการแสดงให้เห็นสองตัวเสมอ สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา F ขึ้นค้าง เกิดขึ้นจากบอร์ดของเครื่องซักผ้าเสียหาย ทดสอบได้ด้วยตัวเอง เมื่อสัญลักษณ์ F ปรากฏขึ้นให้ลองทำการเลือกทำรายการ หากไม่สามารถกดสั่งได้แสดงว่าบอร์ดเกิดการชำรุดเสียหายนั่นเอง
วิธีการแก้ไขปัญหาเครื่องซักผ้า LG ขึ้น F ค้าง ด้วยตัวเอง
สายไฟจากบอร์ดลัดวงจร : แก้ไขได้ด้วยการถอดสายไฟที่ต่อออกจากบอร์ดไปยังอุปกรณ์แต่ละตัว ถ้าหากสัญลักษณ์ F ไม่หายไป แสดงว่าตัวบอร์ดของเครื่องซักผ้า LG เสียหาย
ความชื้น : แก้ไขได้ ด้วยการถอดเอาบอร์ดออกไปตากแสงแดดเพื่อขับไล่ความชื้นเป็นเวลาประมาณ 2 วัน ถ้าหากยังคงขึ้นสัญลักษณ์ F ค้าง แสดงว่าบอร์ดได้เสียหายเป็นการถาวร
ถ้าหากบอร์ดมีความเสียหายจำเป็นที่จะต้องทำการซ่อมแซมบอร์ด หรือทำการเปลี่ยนบอร์ดจากช่างผู้ที่ชำนาญการณ์ โดยสามารถสอบถามราคาอะไหล่ของเครื่องซักผ้าแต่ละรุ่นได้จากศูนย์บริการ LG หรือช่างรับซ่อมเครื่องซักผ้าใกล้บ้าน เนื่องจากอะไหล่ของเครื่องแต่ละรุ่นไม่เท่ากันนั่นเอง...
หลังจากที่ได้รับทราบข้อมูลกันไปแล้วว่า.. เครื่องซักผ้า LG อาการไม่หมุน ไม่ปล่อยน้ำ ขึ้น DE UE และ F ค้าง เกิดขึ้นจากสาเหตุใด แล้วทำอย่างไรจึงจะสามารถจัดการแก้ไขเบื้องต้น เพื่อให้สามารถกลับมาใช้งานได้อย่างเป็นปกติด้วยตัวเอง คงจะช่วยทำให้หลายคนคลายความกังวลกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างมาก โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาช่างเสมอไปอย่างแน่นอน...